วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 | | By: Unknown

รองเท้าวิ่ง Nike Zoom Air (รีวิว)

Nike Air Zoom

          กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวรองเท้าวิ่งนะครับ คราวนี้แอดมินได้มีโอกาสทดสอบรองเท้าตระกูล Nike Air Zoom ที่เพิ่งวางขายเมื่อ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดย collection นี้ประกอบด้วย 5 รุ่น ดังนี้
1. Nike Air Zoom Elite 8

 Nike Air Zoom Elite 8


2. Nike Air ZoomPegasus 32

Nike Air ZoomPegasus 32


3. Nike Air Zoom Vomero 10

Nike Air Zoom Vomero 10


4. Nike Air Zoom Structure 19

Nike Air Zoom Structure 19


5. Nike Air Zoom Odyssey

Nike Air Zoom Odyssey

 โดยแต่ละรุ่นก็มีการตอบสนองและรายละเอียดที่แตกต่างกันไป
          Nike กล่าวว่ารองเท้าวิ่งจากตระกูล Nike Zoom Air มีจุดเด่นในด้านการเพิ่มความเร็ว เพิ่มฝีเท้า และตอบสนองการวิ่งได้ดี โดยรองเท้าวิ่งคอลเลคชั่นนี้กำลังมีอายุครบ 20 ปี และยังคงมีจุดเด่นในด้านการปกป้องเท้าและตอบสนองการวิ่งได้ดีเสมอมา ซึ่งตลอดยะเวลา Nike เองได้พัฒนารองเท้าวิ่งรุ่นดังกล่าวร่วมกับนักวิ่งระดับโลกเพื่อให้รองเท้าตระกูลนี้มีประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับความต้องการของนักวิ่งอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะคุณสมบัติด้านความกระชับเท้าที่มีการถักทอเส้นใยอย่างแน่นหาในชิ้นส่วนของ Nike Air เพื่อลดแรงกระแทก และเพิ่มแรงส่งให้แก่นักวิ่ง ให้ก้าวเท้าวิ่งได้เร็วยิ่งขึ้น

          แอดมินเองได้ทดลองทดสอบวิ่งอยู่ 2 รุ่น คือ Nike Air Zoom Elite 8 และ Nike Air Zoom Vomero 10 ต้องออกตัวก่อนเลยว่าแอดเองเพิ่งเคยได้ลองเทคโนโลยี Zoom Air ของ Nike ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลย และทั้งสองคู่ที่ได้ทดสอบก็เป็นสองคู่ที่มีความแตกต่างกันพอสมควร จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นติดตามอ่านกันต่อด้านล่างได้เลย

Nike Air Zoom Elite 8


          สัมผัสแรกก็รู้สึกถึงความเบาเลยครับ มันเบากว่าที่เห็นนะ!!! ตามจริงมันเป็นรุ่นที่เบาที่สุดในตระกูล Nike Zoom Air นี้หล่ะ ออกแบบมาเพื่อให้วิ่งเร็วโดยเฉพาะ ดังนั้นการดูดซับแรงหรือความนุ่มนวลจะน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ โดยจะเห็นว่าส่วนของ midsole จะบางกว่าเพื่อนๆใน collection นี้ แต่ก็ยังมี Zoom Air อยู่ใต้ฝ่าเท้าเรานะเพื่อความเด้งดึ้งระยะ heel-toe drop ก็เพียงแค่ 8 mm. เท่านั้น นั่นหมายถึงรองเท้าวิ่งรุ่นนี้เหมาะกับนักวิ่งที่วิ่งลงกลางเท้า ถึงปลายเท้า (mid-foot striker ถึง fore-foot striker) ส่วนตัวแอดมินเองก็เป็นคนวิ่งลงกลางเท้าอยู่แล้วเลยถูกใจเจ้า Elite 8 นี้เป็นพิเศษ ถ้าวันไหนซ้อมวิ่งแบบที่ต้องใช้ความเร็ว ก็จะคว้าคู่นี้ก่อนเลย :)
          ในส่วนของ upper ที่ออกแบบมาให้มีชิ้นส่วนน้อยชิ้น แต่ก็ยังสามารถโอบรัดกระชับเท้าได้ดีมากแม้ขณะวิ่งทำความเร็ว เข้าโค้งหรือเปลี่ยนทิศทางกระทันหันก็ยังกระชับไม่มีการลื่นไถลภายในรองเท้า ตะเข็บรอยต่อน้อยเพื่อลดการเสียดสีระคายเคืองเท้า และ outsole (พื้นรองเท้า) ก็ทำได้หนึบดีมากเวลาเร่งฝีเท้า 



          โดยรวมรองเท้าวิ่งรุ่นนี้เหมาะกับนักวิ่งที่วิ่งลงกลางเท้า ถึงปลายเท้า ที่ต้องการซ้อมทำความเร็วทั้งบนลู่ และบนถนน แต่ถ้าวิ่งซ้อมระยะไกลๆอาจต้องหันไปพึ่งพิงรองเท้าที่มี midsole ที่นุ่มนวลกว่านี้ เช่น Nike Air Zoom Vomero 10 ที่จะได้กล่าวถึงต่อไป
air-zoom-elite-8-breakdown


Nike Air Zoom Vomero 10

          นุ่มครับ นุ่มจริง อย่างที่ได้เกริ่นกันไปก่อนหน้าว่ารุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อความนุ่มสบาย เหมาะกับการวิ่งซ้อมระยะไกลๆ โดยในส่วนของ midsole ประกอบด้วย Zoom Air ทั้งตรงฝ่าเท้าด้านหน้า และ ส้นเท้าเพื่อรับแรงกระแทก และให้การตอบสนองที่ดี และยังมี Lunarlon มาเสริมช่วยรับแรงกระแทกอีกหนึ่งชั้น ( โฟม Lunarlon เป็นวัสดุที่ยืดหยุ่น และรับแรงกระแทกได้ดีพบได้ในรองเท้าวิ่งรุ่น Nike Flyknit Lunar ที่เราเคยมารีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ)
          ส่วนของ upper ทำมาได้ดีครับกระชับ นุ่ม และโอบรัดเท้าได้ดีทีพอสมควร และหน้ารองเท้าก็ทำออกกว้างกว่า Nike รุ่นอื่นๆที่เคยได้ลองมา ในส่วนของ outsole (พื้นรองเท้า) ก็หนึบหนาดูทนทาน
          โดยรวมเจ้า Vomero 10 นี่ก็มีความนุ่มสบาย จะใส่วิ่งยาวๆ หรือว่าใส่เดินก็ดี จะมีติดอยู่นิดนึงตรงที่ arch support มีน้อยไปนิด  ยังไงเพื่อนๆก็ลองไปสวมลองวิ่งๆเดินๆในร้านรองเท้ากันก่อนตัดสินใจนะครับ
vomero10 breakdown

          สำหรับ Zoom Air Collection เริ่มวางจำหน่ายมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา โดยรองเท้า Nike Air Zoom Pegasus 32 เริ่มจำหน่ายราคาคู่ละ 4,200 บาท / Nike Air Zoom Elite 8 ราคาคู่ละ 4,200 บาท / Nike Air Zoom Odyssey  ราคาคู่ละ 5,900 บาท / Nike Air Zoom Structure 19  ราคาคู่ละ 4,500 บาท / และ Nike Air Zoom Vomero 10 ในราคาคู่ละ 5,400 บาท 
ราคามีการเปลี่ยนแปลงกรุณา  เพื่อเช็คราคาปัจจุบัน



(รีวิวดีๆนี้ คัดลอกมาจาก http://www.wingnaidee.com/)